รถไฟฟ้า EV คือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 % ซึ่งถือเป็นเทรนด์ที่กำลังมาในช่วงนี้ เนื่องจากประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยรัฐบาลก็มีออกมาตรการกระตุ้นและสนับสนุนให้มีการใช้และผลิตรถ EV ในประเทศให้มากขึ้น เช่น ให้เงินอุดหนุนส่วนลดซื้อรถ 18,000-150,000 บาท/คัน, ลดภาษีสรรพสามิตรรถยนต์ จาก 8% เป็น 2 %, ลดภาษีนำเข้าสูงสุด 40% ถึงปี 2566 ฯลฯ

ก่อนที่จะติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านผู้ที่จะซื้อรถไฟฟ้า EV ควรที่จะเข้าใจระบบไฟฟ้าภายในบ้านก่อนติดตั้งก่อนว่าระบบไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่รองรับการใช้งานได้หรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สินและผู้อยู่อาศัย โดยสิ่งที่จะต้องรู้มีดังนี้

1. ขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า

บ้านพักอาศัยทั่วไปจะใช้มิเตอร์ขนาด 15(45) (หมายถึง  มิเตอร์ขนาด 15 แอมป์ และใช้ไฟได้มากสุด 45 แอมป์) สำหรับรถไฟฟ้า EV ขอแนะนำให้ใช้มิเตอร์ขนาด 30(100) เพื่อป้องกันการใช้ไฟฟ้าที่มากเกินไปภายในบ้าน อย่างไรก็ตามต้องพิจารณารุ่นของรถยนต์และคุณสมบัติของเครื่องชาร์จที่จะนำมาติดตั้งด้วย โดยสามารถขอคำปรึกษากับผู้ขายก่อนติดตั้งได้

2. ขนาดสายเมน

ขนาดสายไฟเมนที่จะต้องมาเชื่อมกับตู้ควบคุม ควรเปลี่ยนมาใช้ขนาด 25 ตารางมิลลิเมตร และเปลี่ยนลูกเซอร์กิจ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ป้องกันร่วมกับตู้ควบคุมไฟฟ้าให้สามารถรับรองกระแสไฟฟ้า 100 แอมป์ เพื่อให้ขนาดมิเตอร์ ขนาดสายเมน และขนาดลูกเซอร์กิต มีความสอดคล้องกัน

**ลูกเซอร์กิต เป็นเบรกเกอร์ชนิดหนึ่ง มีขนาดเล็ก สำหรับใช้ในบ้านหรืออาคารที่มีกระแสไฟฟ้าไม่เกิน 100 A**

3. ตู้ควบคุมไฟฟ้า

ตรวจสอบภายในตู้ว่ามีช่องสำหรับติดตั้งลูกเซอร์กิตไหม เพราะเพราะการติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้า EV จะต้องแยกช่องจ่ายไฟออกไปต่างหาก และช่องว่างนั้นควรมีขนาดตามพิกัดที่สามารถรองรับกระแสไฟของเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ หากภายในตู้หลักไม่มีช่องว่างต้องเพิ่มตู้ควบคุมย่อยอีก 1 จุด

4. เครื่องตัดไฟรั่ว

เครื่องตัดไฟฟ้ารั่ว มีไว้สำหรับช่วยตัดวงจรไฟฟ้าซึ่งเป็นสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรรวมไปถึงไฟไหม้ แต่หากว่าสายชาร์จไฟฟ้ามีระบบตัดไฟฟ้าอัตโนมัติภายในตัวอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเครื่องชนิดนี้ก็ได้

5. เต้ารับ

เต้ารับที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV จะไม่เหมือนเต้ารับเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปในบ้าน การเสียบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าควรใช้แบบ 3 รู (มีสายต่อหลักดิน) สามารถทนกระแสไฟฟ้าต่อเนื่องได้ไม่น้อยกว่า 16 แอมป์ (รูปทรงปลั๊กขึ้นอยู่กับรถยนต์แต่ละรุ่น)

6. ตำแหน่งที่จะติดตั้ง

ควรเช็คตำแหน่งที่จะติดตั้งแท่นชาร์จด้วย โดยระยะห่างจากจุดชาร์จไม่เกิน 5 เมตร และตำแหน่งควรอยู่ใกล้ตู้เมนไฟฟ้าในบ้านซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินสายไฟที่มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น และที่ชาร์จควรติดตั้งในใต้หลังคา เพื่อป้องกันแดด-ฝนและทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น